นีล ไรเบิร์ก ฟินเซน (Niels Ryberg Finsen; 15 ธันวาคม ค.ศ. 1860 – 24 กันยายน ค.ศ. 1904) เป็นแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ชาวไอซ์แลนด์/หมู่เกาะแฟโร/เดนมาร์ก ในปี ค.ศ. 1903 เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์เนื่องจาก "ให้ไว้เพื่อความระลึกถึงการอุทิศตนของท่านในวิธีการรักษาโรค โดยเฉพาะโรค lupus vulgaris โดยใช้รังสีแสงเข้มข้นอันเป็นการเปิดทางใหม่ในความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์"
นีล ฟินเซนเกิดที่ทอร์สเฮาน์ หมู่เกาะแฟโร เป็นบุตรคนที่ 2 จาก 4 คนของฮานน์ สไตน์กริม ฟินเซน (Hannes Steingrim Finsen) ซึ่งเป็นสมาชิกตระกูลชาวไอซ์แลนด์ซึ่งย้อนประวัติได้ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 และโยฮานน์ เฟรอมัน (Johanne Fr?man) ซึ่งถือกำเนิดและเติบโตที่ไอซ์แลนด์ ครอบครัวของเขาได้ย้ายจากไอซ์แลนด์ไปยังทอร์สเฮาน์ในปี ค.ศ. 1858 เพราะบิดาของเขาได้รับตำแหน่งที่หมู่เกาะแฟโร ในปี ค.ศ. 1864 เมื่อนีลมีอายุได้ 4 ปีมารดาของเขาเสียชีวิต และบิดาของเขาแต่งงานใหม่กับลูกพี่ลูกน้องของโยฮานน์ชื่อ เบียร์กิทท์ เคียรสทีน เฟรอมัน (Birgitte Kirstine Formann) และมีลูกด้วยกัน 6 คน ในปี ค.ศ. 1871 บิดาของนีลได้เป็นข้าหลวง (Amtmand) ของหมู่เกาะแฟโร นีล ฟินเซนได้รับการศึกษาชั้นต้นในเมืองทอร์สเฮาน์ จน ค.ศ. 1874 เขาได้ศึกษาที่โรงเรียนประจำ Herlufsholm ที่เดนมาร์ก ที่ซึ่งพี่ชายของเขา โอลาฟ ฟินเซน กำลังศึกษาอยู่ นีลปรับตัวเข้ากับโรงเรียนได้ยากตรงข้ามกับโอลาฟ ดังจะเห็นจากข้อความของครูใหญ่ที่กล่าวถึงนีลว่าเป็น "เด็กชายที่จิตใจดีแต่ขาดทักษะและความกระตือรือร้น" อันตรงข้ามกับการทำงานและการวิจัยของนีลในเวลาต่อมา เนื่องจากผลการเรียนของเขาไม่ดีจึงย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเก่าของบิดาของเขา คือ L?r?i sk?linn ในเรคยาวิกในปี ค.ศ. 1876 ซึ่งผลการเรียนของเขาดีขึ้นอย่างมาก
ในปี ค.ศ. 1882 นีล ฟินเซนย้ายไปยังโคเปนเฮเกนเพื่อศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน และสำเร็จการศึกษาใน ค.ศ. 1890 หลังจากเรียนจบเขาได้เป็นนักชำแหละ (prosector) ด้านกายวิภาคศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน หลังจากนั้น 3 ปีเขาลาออกและอุทิศตนเพื่อการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ ใน ค.ศ. 1898 ฟินเซนได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Knight of the Order of Dannebrog ในปี ค.ศ. 1899
สถาบันฟินเซน (Finsen Institute) ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1896 โดยนีล ฟินเซนเป็นผู้อำนวยการ ซึ่งต่อมาได้รวมกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน และในปัจจุบันคือห้องปฏิบัติการวิจัยมะเร็งที่เชี่ยวชาญด้านการสลายโปรตีน
ฟินเซนเป็นที่รู้จักด้านทฤษฎีการบำบัดด้วยแสง (phototherapy) ซึ่งกล่าวว่าความยาวคลื่นของแสงมีผลดีทางด้านการแพทย์ งานเขียนที่สร้างชื่อเสียงคือ Finsen Om Lysets Indvirkninger paa Huden (ผลกระทบของแสงต่อผิวหนัง) ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1893 และ Om Anvendelse i Medicinen af koncentrerede kemiske Lysstraaler (การใช้รังสีแสงเคมีเข้มข้นในทางการแพทย์) ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1896 ผลงานดังกล่าวได้รับการแปลเป็นภาษาเยอรมัน และตีพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศสในชื่อ La Phototh?rapie ผลงานในช่วงบั้นปลายชีวิตคืองานวิจัยผลของเกลือ โดยศึกษาผลของอาหารที่มีปริมาณโซเดียมต่ำซึ่งได้รับการตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1904 ชื่อ En Ophobning af Salt i Organismen (การสะสมของเกลือในสิ่งมีชีวิต)
ในปี ค.ศ. 1889 นีล ฟินเซนหมั้นกับ อินเจบอร์ก บัลสเลฟ (Ingeborg Balslev; 1868–1963) และแต่งงานเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 1892 ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1880 สุขภาพของเขาแย่ลงเรื่อยๆ เขามีปัญหาด้านหัวใจและท้องมานและอ่อนแรง แม้อาการเจ็บป่วยจะรบกวนร่างกายแต่จิตใจของเขายังคงเข้มแข็ง แม้บั้นปลายชีวิตเขาต้องนั่งรถเข็นเขาก็ยังอุทิศตนเพื่อการแพทย์อย่างมากมาย
สถาบันฟินเซนที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนตั้งชื่อขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน และที่เมืองทอร์สเฮาน์มีอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงฟินเซน เช่น ถนนสายหลักสายหนึ่งของเมืองตั้งชื่อตามท่าน อนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงฟินเซนซึ่งออกแบบโดยรูดอล์ฟ เทกเนอร์ (Rudolph Tegner) สร้างขึ้นที่โคเปนเฮเกนในปี ค.ศ. 1909 มีลักษณะเป็นผู้ชายและมีผู้หญิง 2 คนพิงอยู่กำลังเอื้อมขึ้นไปยังท้องฟ้า อนุสาวรีย์ดังกล่าวมีชื่อว่า Mod lyset (มุ่งสู่แสงสว่าง) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงหลักทฤษฎีของฟินเซนว่าแสงสว่างสามารถรักษาโรคได้